นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

“จุรินทร์” ดันส่งออกกล้วย ไปญี่ปุ่นอีก 5,000 ตัน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น หรือ MITI ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ ว่า ประเด็นที่ญี่ปุ่นหยิบยกมาหารือ มี 3 ประเด็น

ประเด็นแรกเป็นโครงการญี่ปุ่นจัดขึ้นเพื่อฉลองความสัมพันธ์นี้ครบรอบ 50 ปีระหว่างญี่ปุ่นกับอาซียน มีนโยบายที่เรียกว่า Co-create Vision จับมือกับอาเซียนสร้างเครือข่ายทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน

1. การสร้างเครือข่าย 100 เครือข่ายระหว่างเอกชนญี่ปุ่นกับเอกชนของอาเซียนจับคู่กัน เช่น ร่วมลงทุนซื้อขายสินค้าบริการด้วยกันหรือจับคู่ทางธุรกิจอื่นเป็นต้น
2. การจับคู่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชน การทำงานด้านการผลิตสินค้าและบริการร่วมกัน โดยใช้ซัพพลายเชน วัตถุดิบ การแปรรูประหว่างกันทั้งญี่ปุ่นทั้งอาเซียนให้ได้ 100 เคส
3. โครงการการร่วมกันระหว่างญี่ปุ่นกับอาเซียนแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม 100 เคส เช่น BCG หรือ Green Economy ซึ่งตนตอบรับด้วยความยินดี โดยทางญี่ปุ่นแจ้งให้ทราบว่าเตรียมงบประมาณ 8,000 ล้านเยน หรือ ประมาณ 2,100 ล้านบาท

ประเด็นที่สอง ญี่ปุ่นหยิบยกกรณี RCEP ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 15 ประเทศ จับมือสร้างความเข้มแข็งให้กับ RCEP ซึ่งตอนที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพตนมีส่วนสำคัญในการเป็นประธานรัฐมนตรีเศรษฐกิจ RCEP จนนำไปสู่ข้อสรุป นำไปสู่การให้สัตยาบันแล้ว เริ่มต้นได้ในวันนี้ พร้อมตอบรับญี่ปุ่นในการขับเคลื่อน RCEP ให้มีความเข้มแข็งต่อไป เพราะถือว่าเป็น FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน

ประเด็นที่สาม กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิกหรือ IPEF (Indo-Pacific Economic Framework) ปัจจุบันสมาชิกมี 14 ประเทศ ขอให้ช่วยกันขับเคลื่อนให้มีการเดินหน้าต่อไป ซึ่งตนตอบรับเพราะร่วมในการเริ่มต้นก่อตั้งกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก ตอนประกาศจัดตั้งที่โตเกียวเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้

ขณะที่ไทย ได้หยิบยกมาหารือ 2 ประเด็นประเด็นที่หนึ่ง คือความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น ที่เรียกว่า JTEPA ที่ญี่ปุ่นให้โควตาส่งออกกล้วยของไทยไปญี่ปุ่นปีละ 8,000 ตัน ที่ผ่านมาเราใช้ประโยชน์ได้แค่ 3,000 ตัน ยังขาดอยู่อีก 5,000 ตัน ที่ยังใช้โควตานี้ไม่หมดเพราะเกิดปัญหาอุปสรรค ของภาคการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานข้อกำหนดค่อนข้างซับซ้อน

โดยได้ขอความร่วมมือทาง MITI ช่วยบริหารจัดการให้ JETRO เข้ามามีบทบาทให้ข้อมูลให้ความรู้ทั้งกฎเกณฑ์กติกาวิชาการและแอพพลิเคชั่นต่างๆให้เกษตรกรของไทยด้วย ทำให้เกษตรกรได้ใช้โควตาให้ครบอีก 5,000 ตันต่อไป สร้างรายได้ให้ประเทศและรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยของไทยต่อไป และประเด็นที่สองคือขอให้สนับสนุนให้ภูเก็ตเป็นเจ้าภาพจัด Specialized Expo 2028 ด้วย ซึ่งญี่ปุ่นรับไปพิจารณาแล้ว